สัญญาประนีประนอมยอมความกฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา
๘๕๐-๘๕๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์
มาตรา ๘๕๐ บัญญัติว่า “การประนีประนอมยอมความ คือ
สัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนให้แก่กัน”
มาตรา ๘๕๑ ใจความสำคัญ คือ
สัญญาประนีประนอมจะใช้บังคับกับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด
หรือลงลายมือตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญจึงจะฟ้องร้องต่อศาลได้
มาตรา ๘๕๒ ใจความสำคัญ คือ ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความ คือ
ทำให้การเรียกร้อง ซึ่งแต่ละฝ่ายยอมสละได้ระงับลง
และได้สิทธิใหม่ตามที่ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความ
การประนีประนอมยอมความเกิดได้อย่างไร
การประนีประนอมยอมความเกิดได้ ๒ ทาง
(๑)
โดยตัวคู่ความเอง เมื่อข้อพิพาทเกิดขึ้นไม่ว่าเพิ่งเริ่มเกิดหรือเมื่อนำข้อพิพาทยื่นฟ้องต่อศาลแล้วก็ตารมอาจเกิดสถานการณ์ที่เหมาะสมที่เอื้ออำนวยให้คู่ความสองฝ่ายโอนอ่อนเข้าหากันทำนองต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนผันสั้นยาวให้แก่กันคู่ความทั้งสองฝ่ายอาจตกลงใจกันทำสัญญายอมความกันได้ด้วยตัวของคู่ความเองก็ได้
(๒) โดยการไก่เกลี่ยของบุคลทีสาม เมื่อเกิดมีข้อพิพาทขึ้นระหว่างคู่ความสองฝ่ายจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ในการป้องกันตนเองตลอดจนรักษาผลประโยชน์ของตน
มนุษย์จะเกิดความคิดเข้าข้างตนเองและจะเกิดความรู้สึกโกรธที่สิทธิของตนเองถูกล่วงละเมิด
โดยเฉพาะความรู้สึกของผู้สูญเสีย โดยธรรมชาติข้อนี้ทำให้คู่ความมักจะยึดมั่นในจุดยืนของตนเองว่าต้องเป็นอย่างที่ตนคิดหรือคาดการณ์ไว้และจะไม่ยอมโอนอ่อนแม้จะถูกเจรจาต่อรองจากฝ่ายตรงข้าม
สภาพดังกล่าวยิ่งจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงถ้าหากต่างฝ่ายต่างก็ถือว่าตนเองเป็นฝ่ายที่ถูกต้องมากกว่า
ความขัดแย้งทำให้เกิดอารมณ์เข้ามาแทรก ยงถ้าหากได้แรงยุแหย่จากบุคคลอื่น
สภาพอารมณ์จะยิ่งรุนแรง ทิฐิมานะการรักษาศักดิ์ศรีจะเกิดตามมาทำให้จุดยืนเหนียวแน่น
ยากแก่การเจรจาต่อรอง
ด้วยเหตุดังกล่าวหากมีบุคคลที่สามารถเข้ามาเป็นกาวใจ โดยสามารถเข้าไปนั่งในหัวใจของทั้งสองฝ่ายได้อย่างสนิทแนบแน่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ
จริงใจ ตั้งใจและเป็นกลางอย่างแท้จริง
บุคคลที่สาม ก็สามารถจะโยกคลอนจุดยืนของแต่ละฝ่ายให้อ่อนโอนลงมาหากันได้จนสุดท้ายต่างฝ่ายต่างพบทางออกของปัญหาที่ก่อนนั้นเป็นทางตันจนสามารถตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ในลักษณะต่างฝ่ายต่างพอใจในที่สุด
บุคคลที่สาม ก็สามารถจะโยกคลอนจุดยืนของแต่ละฝ่ายให้อ่อนโอนลงมาหากันได้จนสุดท้ายต่างฝ่ายต่างพบทางออกของปัญหาที่ก่อนนั้นเป็นทางตันจนสามารถตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ในลักษณะต่างฝ่ายต่างพอใจในที่สุด
ประเภทของการประนอมยอมความ
การประนีประนอมยอมความนั้นมีอยู่ด้วยกัน
๒ ชนิด คือ
(๑)
การประนีประนอมยอมความนอกศาล
(๒)การประนีประนอมยอมความในศาล
การประนีประนอมยอมความนอกศาล เป็นกรณีที่ผู้มีข้อพิพาทต่อกันได้ทำความตกลงกัน ซึ้งอาจเป็นกรณีที่คู่กรณีพิพาทได้เจรจาทำความตกลงกันเองหรือมีองค์กรบุคคลภายนอกเข้าดำเนินการเป็นคนกลางทำการไกล่เกลี่ยก็ได้จนในที่สุดสามารถทำความตกลงกันได้
แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้
การประนีประนอมยอมความในศาล เป็นกรณีที่เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นได้นำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาล
และในระหว่างที่ศาลกำลังพิจารณาคดีดังกล่าวอยู่ คู่กรณีได้ทำความตกลงกันได้ในข้อพิพาทดังกล่าว ทำให้ข้อพิพาทที่มีอยู่นั้นสิ้นสุดลงจึงได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันขึ้นแล้วเสนอให้ศาลพิจารณา
ซึ่งเมื่อศาลเห็นว่าสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายศาลก็จะพิพากษาให้เป็นไปตามที่ได้ยอมความกันดังกล่าว
ตัวอย่างเช่น นายดำเช่าบ้านนายแดงอยู่อาศัยในอัตราค่าเช่าเดือนละ
๒,๐๐๐ บาท ต่อมาปรากฏว่านายดำค้างค่าเช่า ๕ เดือน
เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท นายแดงจึงบอกเลิกสัญญาเช่า ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระจากนายดำต่อศาลระหว่างการพิจารณาของศาล
นายดำได้ทำความตกลงกับนายแดงในที่สุดตกลงกันได้โดยนายดำจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านเช่าภายใน
๑ เดือน และนายแดงไม่ติดใจเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระต่อไป จึงได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความเสนอต่อศาลและศาลได้พิพากษาให้เป็นไปตามที่ยอมความกันนั้น
ข้อแตกต่างระหว่างการประนีประนอมยอมความที่ทำนอกศาลและในศาล คือ ในกรณีการประนีประนอมยอมความนอกศาล หากต่อมาภายหลังคู่สัญญาบิดพลิ้วไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา
ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายก็จะต้องนำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไปฟ้องร้องต่อศาลเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามสัญญานั้นอีกที
ส่วนสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลหากต่อมาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบิดพลิ้วไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ต้องนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอีกครั้งโดยผู้เสียหายมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอให้บังคับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตามสัญญานั้นได้ทันที
กล่าวคือ คู่สัญญาฝ่ายนั้นอาจถูกยึดหลักอายัดทรัพย์สินมาขายทอดตลาดชำระหนี้ให้ฝ่ายผู้เสียหายได้
หรือบังคับให้ต้องกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
ให้ออกไปจากบ้านเช่าตามที่ระบุไว้ในคำพิพากษาได้
ประนีประนอมยอมความ
มาตรา ๘๕๐ อันว่าประนีประนอมยอมความนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่ หรือ จะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
มาตรา ๘๕๐ อันว่าประนีประนอมยอมความนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่ หรือ จะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
หลักเกณฑ์สำคัญ
๑. ต้องมีคู่สัญญาสองฝ่าย สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น มีลักษณะเป็น
สัญญาต่างตอบแทน ประกอบด้วยคู่สัญญาสองฝ่าย
ฝ่ายละกี่คนก็ได้
๒. ตกลงระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่ หรือ
จะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไป
ฎีกาที่ ๑๐๘/๒๕๔๕ โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน นายอำเภอเรียกโจทก์และจำเลยมาเจรจากันโดยมีการบันทึกคำเปรียบเทียบไว้ว่าจำเลยตกลงแบ่งที่ดินให้แก่โจทก์ตามส่วนที่ตกลงกัน
บันทึกคำเปรียบเทียบดังกล่าวมีลักษณะเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่มีอยู่แล้วในขณะนั้นให้เสร็จไป
จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ.
มาตรา 850 อันมีผลให้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวอีก
คงมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตาม ป.พ.พ.
มาตรา 852 เท่านั้น
ฎีกาที่ ๒๕๗๖/๒๕๓๑
คดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำนวน ๙
ส่วนใน ๒๑ ส่วน ในระหว่างบังคับคดีโจทก์
จำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลชั้นต้นรับรู้เป็นผู้ทำให้มีข้อตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้
และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
และตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกันใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวต่อหน้าศาลแล้ว
จึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๐
โดยมีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป
และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๕๒การบังคับคดีนี้และมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงเป็นอันระงับสิ้นไป
โจทก์ จำเลยทั้งสี่จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว
เมื่อจำเลยผิดสัญญาดังกล่าว
โจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามสิทธิที่เกิดขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะกลับมาขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมูลหนี้ระงับไปแล้วหาได้ไม่. (อ้าง ฎีกา ๖๒๖/๒๔๙๑)
๓. เป็นสัญญาที่ต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นในอนาคต
(สามารถตกลงทำสัญญาประนีประนอมฯ กันไว้ล่วงหน้าได้) ให้ระงับไป
ฎีกาที่ ๓๗๔/๒๔๗๘ สัญญาที่ไม่มีข้อความอันเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาท
ไม่ถือเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
ข้อความเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาท เช่น ไม่ติดใจเรียกร้อง, ยินยอมให้...............
เป็นต้น
ฎีกาที่ ๔๑๐/๒๕๐๔ โจทก์จำเลยทำสัญญาให้กรรมการวัดสอบเขตที่ดินตามเนื้อที่ในโฉนดของโจทก์
หากปรากฏว่าจำเลยปลูกรั้วล้ำเข้าไปในเขตของโจทก์จำเลยยอมรื้อรั้ว
เมื่อเริ่มรังวัดเพียงด้านหนึ่ง ปรากฏว่ารั้วของจำเลยล้ำเข้าไปในเขตที่ของโจทก์
1.20 เมตร จำเลยจึงไม่ยอมให้วัดต่อไป
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวนี้ ย่อมเป็นสัญญาที่ใช้บังคับกันได้ตามกฎหมายเมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้กรรมการวัดตามสัญญาที่ตกลงกัน
จำเลยก็เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ย่อมจะมาฟ้องขอให้บังคับจำเลยมิให้ขัดขวางในการที่กรรมการจะทำการตามสัญญานั้นได้
ฎีกาที่ ๒๒๑/๒๕๐๐ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์บาดเจ็บสาหัส
ขอให้ลงโทษทางอาญา
ในระหว่างพิจารณาปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่ง
โจทก์ยอมรับตามที่จำเลยชำระและไม่ติดใจว่ากล่าวเอาโทษจำเลยต่อไป
ศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจำเลย เช่นนี้ ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกัน
โจทก์จะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งอีกไม่ได้
ฎีกาที่ ๒๖๒๔/๒๕๑๖ คู่กรณีในคดีอาญาไม่ว่าจะเป็นความผิดอันยอมความกันได้หรือไม่ก็ตาม
อาจตกลงประนีประนอมยอมความเรื่องค่าเสียหายในทางแพ่งอันพึงมีพึงได้ตามสิทธิของตนได้
กฎหมายห้ามเฉพาะการตกลงประนีประนอมยอมความเพื่อระงับหรืองดการฟ้องคดีอาญาที่มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้น
สัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์เนื่องจากจำเลยบุกรุกขึ้นไปบนเรือนโจทก์ในเวลากลางคืนและกระทำอนาจารโจทก์มีข้อความว่า
จำเลยยอมเสียค่าทำขวัญให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งภายในเวลาที่กำหนด
หากไม่ทำตาม ยอมให้ดำเนินคดีต่อไปนั้น เป็นเรื่องทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่าเสียหาย
ฐานละเมิดให้แก่โจทก์ในทางแพ่งเท่านั้น ไม่ใช่ค่าเสียหายที่เรียกร้องเพื่อระงับการฟ้องคดีอาญาซึ่งกฎหมายห้ามไว้แต่อย่างใดจึงสมบูรณ์ใช้บังคับได้
สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
กฎหมายมิได้บังคับว่าคู่กรณีจะต้องลงชื่อทั้งสองฝ่าย
แม้จำเลยผู้เดียวลงชื่อรับผิดต่อโจทก์ก็เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความได้
ฎีกาที่ ๓๔๓/๒๕๓๔
แม้สัญญาจะใช้ชื่อเรียกว่า หนังสือรับสภาพหนี้แต่ข้อความในสัญญานั้นจำเลยยอมรับว่ามีหนี้อยู่กับโจทก์จริงและยอมตกลงผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นงวด
ๆ จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นการที่โจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้เดิมให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน
กรณีเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ.
มาตรา 850
หาใช่เป็นการรับสภาพหนี้โดยกำหนดเวลาและเงื่อนไขให้จำเลยชำระหนี้ไม่เมื่อสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ
จึงมีอายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 168
การประนีประนอมยอมความนี้มีผลให้ข้อเรียกร้องเดิมระงับไป
และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามข้อความในสัญญาที่ทำกันขึ้นใหม่นั้น
นอกจากนั้นยังทำให้อายุความตามหนี้เดิมสะดุดหยุดลง
แล้วอายุความเริ่มต้นเดินใหม่ต่อไปอีก ๑๐ ปี
บางกรณีอายุความตามสัญญาเดิมอาจจะสั้นกว่า๑๐ ปี
แต่เมื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันอายุความก็จะยาวออกไปอีก ๑๐ ปี เหมือน กันหมด
เช่น คดีผิดสัญญาซื้อขาย ซึ่งกฎหมายกำหนดอายุความไว้เพียง
๒ ปี หมายความว่าพ้น ๒ ปีไปแล้วเรียกเอาไม่ได้
แต่ถ้าผู้ซื้อผู้ขายทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน
โดยผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อชำระเงินภายในกำหนดใหม่ อาจเป็น ๖ เดือน หรือ ๘ เดือน
ก็แล้วแต่จะตกลงกัน โดยผู้ซื้อยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่ผู้ขายดังนี้
อายุความเรียกร้องเอาเงินค่าสินค้านั้นจะยาวออกไปอีก ๑๐ ปี ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก คู่กรณีตกลงระงับสิทธิเรียกร้องในคดีผิดสัญญาซื้อขายกันแล้วนั่นเอง
อายุความในกรณีผิดสัญญาซื้อขายจึงถูกระงับไปด้วย ต้องเริ่มอายุความใหม่เป็นกรณีอายุความของสัญญาประนีประนอมยอมความนั่นเอง
เนื้อหาของสัญญาต้องมีวัตถุประสงค์ที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน กล่าวคือ ต้องอยู่ภายใต้ มาตรา ๑๕๐ โดยถือเอาเจตนาของคู่กรณีที่แสดงออก
ไม่มีวัตถุประสงค์ที่ขัดต่อกฎหมาย ไม่มีเงื่อนไขที่พ้นวิสัยที่จะปฏิบัติได้
หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่น ดำ กับ แดง
ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า ดำ ยอมปลดหนี้ให้แก่แดง
โดยที่แดงต้องช่วยขับรถที่บรรจุระเบิดไว้เต็มคันรถ ไปจอดอยู่แถวๆ ถนนจรัญสนิทวงศ์ซึ่งการขนวัตถุระเบิดดังกล่าว
เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย สัญญาประนีประนอมยอมความนั้นเป็นโมฆะ
บังคับกันไม่ได้
คดีอาญาที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน ยอมความกันไม่ได้
หากทำสัญญายอมความไปมีผลเป็นโมฆะไม่สามารถบังคับกันได้
ฎีกาที่ ๑๕๒๗/๒๕๑๓ โจทก์เป็นบิดาของเด็กหญิง
ส. อายุ 14 ปี ทำสัญญากับจำเลยที่ 2 และที่ 3
ซึ่งเป็นมารดาและลุงของจำเลยที่ 1 ว่า โจทก์ได้แจ้งความไว้ว่าจำเลยที่
1 พรากเด็กหญิง ส.
ไปเสียจากโจทก์เพื่อการอนาจารบัดนี้ได้ตกลงกันว่า จำเลยที่ 2 และที่
3 ยอมชดใช้เงินค่าสินสอดให้ 5,000 บาท ถ้าไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ก็จะนำคดีมาฟ้องถ้าตกลงตามวันที่กล่าว
โจทก์จะถอนคดี การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3
ตกลงจะใช้เงินให้นั้นก็เพื่อให้โจทก์ถอดคดีข้อหาพรากผู้เยาว์
อันเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน ข้อตกลงจะใช้เงินให้จึงตกเป็นโมฆะ
เพราะมีวัตถุที่ประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนโจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยไม่ได้
ในกรณีคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา คู่กรณีสามารถตกลงยอมความงดเว้นการใช้สิทธิเรียกร้องในทางแพ่งกันได้
ทั้งนี้ไม่ว่าคดีอาญาดังกล่าวจะเป็นความผิดต่อแผ่นดินหรือความผิดต่อส่วนตัว
ตามตัวอย่างในฎีกาที่ ๑๕๒๗/๒๕๑๓ หากเป็นการตกลงในข้อที่ว่า
โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่งอีก การตกลงเช่นนี้ใช้ได้เพราะเป็นการตกลงในเรื่องทางแพ่งมิใช่ทางอาญา
ความสามารถในการทำสัญญา
สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการทำนิติกรรมอย่างหนึ่ง ผู้ซึ่งสามารถทำสัญญาได้
จะต้องเป็นผู้มีความสามารถตามกฎหมายว่าด้วยความสามารถของบุคคล
ตัวแทนซึ่งได้รับมอบอำนาจทั่วไปจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ได้ ทนายความจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนคู่ความได้เฉพาะเมื่อมีการแต่งตั้งและระบุให้ชัดเจนในใบแต่งทนายเท่านั้น
มิฉะนั้นไม่สามารถทำได้
ฎีกาที่ ๑๔๑๓/๒๕๒๔ บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับนายปิติมีลักษณะ
เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อนายปิติไม่ได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากจำเลยให้นำหนังสือ
ประนีประนอมยอมความ จึงถือไม่ได้ว่านายปิติทำแทนจำเลย
หนังสือประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันโจทก์และจำเลย อ้างสัญญาประนีประนอมขึ้นต่อสู้ปัดความรับผิดไม่ได้
เนื้อหาของสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่จำต้องสมบูรณ์อยู่ในเอกสารฉบับเดียว จดหมายโต้ตอบที่เมื่อนำมาพิจารณารวมกันแล้วได้ความว่า
เจ้าหนี้และลูกหนี้ตกลงประนีประนอมยอมความกัน ใช้เป็นหลักฐานแห่งสัญญาได้
หลักสำคัญในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็คือ
ต้องให้ปรากฏหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบตามสัญญานั้นเป็นสำคัญหรือลายมือชื่อของตัวแทนของฝ่ายนั้นก็ได้
จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ เช่น เจ้าหนี้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว
ลูกหนี้มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญานั้น
เจ้าหนี้ก็จะนำสัญญานั้นไปฟ้องร้องลูกหนี้ไม่ได้ ในทางกลับกันเจ้าหนี้ลูกหนี้ประนีประนอมยอมความกันด้วยปากเปล่า ภายหลังลูกหนี้เขียนหนังสือถึงเจ้าหนี้กล่าวถึงข้อตกลงที่ได้ทำไปแล้ว
และลงลายมือชื่อมาในจดหมายนั้น ย่อมถือว่าจดหมายนั้นเป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งมีลายมือชื่อของลูกหนี้อยู่แล้ว เจ้าหนี้ใช้จดหมายนั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องลูกหนี้
มาตรา 851 อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถ้ามิได้มี หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้ บังคับคดีหาได้ไม่
มาตรา 851 อันสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถ้ามิได้มี หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้ บังคับคดีหาได้ไม่
อธิบาย การจะตอบว่า
เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือจะบังคับคดีไม่ได้
อันเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องนั้น จะต้องมีข้อเท็จจริงชัดว่า
ได้ตกลงกันด้วยวาจา ถ้าข้อเท็จจริงไปไม่ถึง
จะไปตอบว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือนั้นไม่ได้
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบคุณมักจะกู้ยืมเงินเมื่อคุณต้องการซื้อสิ่งใหม่หรือไม่? เพียงไปที่เว็บไซต์ https://topbrokers.com/th/forex-analysis/gbp-usd และเริ่มทำเงินกับโบรกเกอร์ เพียงทำตามลิงค์ ลงทะเบียนและเริ่มทำเงินมหาศาลทันที!
ตอบลบ