วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

บทที่ 5 สัญญาแลกเปลี่ยน

บทที่ 5 สัญญาแลกเปลี่ยน  

5.1 แลกเปลี่ยนคืออะไร
 ๑.การแลกเปลี่ยนสิ่งของกับสิ่งของ เป็นการแลกเปลี่ยนโดยเอาของต่อของมาแลกกัน และทั้งสองฝ่ายต่างก็พอใจ เช่น นาย ก.นำไก่ 5 ตัว ไปแลกหมูจากนาย ข. 1 ตัว เป็นต้น แลกเปลี่ยนระบบนี้มีในสมัยโบราณหรือชนบทที่ห่างไกลความเจริญ 
๒.การใช้เงินเป็นสื่อกลาง เนื่องจากการแลกเปลี่ยนสิ่งของมีข้อยุ่งยากที่จะให้เกิดความพอใจแก่ผู้แลกทั้ง ๒ ฝ่าย มนุษย์จึงใช้เงินเป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยน เช่นนาย ก. มีไก่ก็นำไปขาย พอได้เงินมาแล้ว ตัวเขาต้องการหมูก็เอาเงินไปซื้อหมูตามที่ต้องการได้ การใช้เงินเป็นสื่อกลางจึงช่วยให้การแลกเปลี่ยนสะดวกขึ้น 
๓.การใช้ตราสารทางการเงิน ในการซื้อขายที่ต้องใช้เงินคราวละมากๆอาจไม่ปลอดภัย มนุษย์จึงคิดหาวิธีซื้อขายกันให้สะดวกและปลอดภัย เช่นการใช้เช็ค เช็คเดินทาง ตั๋วแลกเงิน บัตรเครดิต ต่างๆแทนเงิน
5.2 ลักษณะสำคัญของการแลกเปลี่ยน 
แบ่งได้เป็น 3 ระบบคือ 
1. ระบบการแลกเปลี่ยนของต่อของ (Barter System)
          ระบบการแลกเปลี่ยนของต่อของ เป็นการนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้ที่มีความต้องการตรงกัน เช่น นำข้าวสารมาแลกกับหมู นำไข่แลกกับปลา นำผ้าทอแลกกับหนังสัตว์ เป็นต้น การแลกเปลี่ยนในระบบนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยในยุคแรกมนุษย์ดำรงชีวิตความเป็นเป็นอยู่อย่างง่าย มีการผลิตอาหารและสิ่งต่าง ๆ เพื่อบริโภคภายในครัวเรือน แต่ต่อมาเมื่อสังคมมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงกว้างขวางมากขึ้น มีการติดต่อระหว่างครัวเรือน ความต้องการในการบริโภคมีมากขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เกิดความต้องการในสิ่งของที่ไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ภายในครัวเรือน จึงต้องมีการนำสิ่งของที่ตนผลิตได้ไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่ตนต้องการ โดยการแสวงหาคนที่มีความต้องการตรงกันและพอใจในสัดส่วนของการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน
ระบบการแลกเปลี่ยนของต่อของ ในทางปฏิบัติมีปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เกิดขึ้นหลายประการ ได้แก่
    1. ปัญหาความต้องการของคนไม่ตรงกัน  ในการแลกเปลี่ยนโดยใช้ของนั้นจะเกิดการแลกเปลี่ยนเมื่อความต้องการของทั้ง 2 ฝ่ายตรงกัน ซึ่งเป็นการยากที่จะหาคนที่มีความต้องการตรงกัน
   2. ปัญหาเกี่ยวกับการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนหรือกำหนดราคา เพราะไม่มีเครื่องมือวัดมูลค่าของสิ่งของที่นำมาแลกเปลี่ยน ทำให้ไม่ทราบว่าจะกำหนดสัดส่วนใดในการแลกเปลี่ยนอาจเกิดการได้เปรียบเมื่อเปลี่ยนกัน เช่น มีวัว 1 ตัว ต้องการแลกกับไก่ 200 ตัว ดังนั้นการแลกเปลี่ยนอาจไม่เกิดขึ้นถ้าทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันไม่ได้
   3. ปัญหาเกี่ยวกับการขนส่ง เพียงการแลกเปลี่ยนโดยใช้ของแลกของ ต้องขนของที่ตนมีอยู่ไปแลกกับคนอื่น บางครั้งอาจต้องเดินทางไกลจึงจะพบผู้ที่มีความต้องการตรงกัน ทำให้เสียเวลาในการขนส่ง และสินต้าบางอย่างมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากทำให้ไม่สะดวกในการขนส่งอีกด้วย
  4. ปัญหาเกี่ยวกับการเก็บรักษา สิ่งของบางอย่างไม่สามารถเก็บได้นานอาจเกิดความเสียหายก่อนที่จะนำไปแลกกับคนอื่น
  5. ปัญหาเกี่ยวกับการให้กู้ยืมและการชำระหนี้ การให้ยืมสิ่งของและจะใช้คืนในอนาคตจะเกิดปัญหาว่าสินค้าที่ใช้คืนในอนาคตจะมีสภาพเหมือนเดิมหรือไม่ เช่น ขอยืมหมูไป 1 ตัว เมื่อใช้คืนหมูอาจมีสภาพไม่เหมือนตัวเดิม อาจอ้วนหรือผอมกว่าเดิม
  6. ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งของบางอย่างแบ่งแยกเป็นหน่วยย่อยไม่ได้ เกิดขึ้นในกรณีต้องการสิ่งของบางอย่างเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งสของนั้นไม่สามารถแย่งแยกย่อยได้จึงไม่เกิดการแลกเปลี่ยน เช่น ต้องการวัวเพียงครึ่งตัวแลกกับข้าวสาร 40 ถัง ซึ่งวัวไม่สามารถแบ่งครึ่งตัวได้จึงไม่เกิดการแลกเปลี่ยน เป็นต้น 
2. ระบบการแลกเปลี่ยนโดยใช้เงิน (Money System)
          จากการแลกเปลี่ยนในระบบของแลกของมีความไม่สะดวกหลายประการมนุษย์จึงได้คิดค้นหาวิธีแลกเปลี่ยนในระบบใหม่ที่มีความสะดวกสบายมากกว่าระบบเดิม โดยมีการกำหนดสิ่งของบางอย่างขึ้นมาเป็นสื่อกลาง ในการแลกเปลี่ยน เรียกสิ่งนั้นว่า เงิน (Money) เงินที่กำหนดขึ้นมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนต้องเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับให้ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้ในระยะแรก ที่ใช้เป็นเงิน ได้แก่ สิ่งของบางชนิดที่สังคมยอมรับซึ่งแตกต่างกัน ไปตามท้องถิ่นสภาพภูมิประเทศและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น หนังสัตว์ ใบชา ยาสูบ เกลือ เปลือกหอย ลูกปัด เป็นต้น  
5.3นำลักษณะซื้อขายมาใช้บังคับกับแลกเปลี่ยน
1. เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเงิน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการด้วยความสะดวก ส่งผลทำให้ระบบเศรษฐกิจมีความเจริญก้าวหน้า
2. เป็นเครื่องมือวัดมูลค่า เงินเป็นหน่วยมาตรฐานในการวัดมูลค่าของสินค้าหรือบริการได้ทุกชนิด
3. เป็นมาตรฐานในการชำระหนี้ในอนาคต เงินเป็นสิ่งที่มีค่าคงที่แน่นอน สามารถใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการชำระหนี้ในอนาคตได้โดยสะดวกและรวดเร็ว
4. เป็นเครื่องมือเก็บรักษามูลค่า เงินมีมูลค่าคงที่มากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นซึ่งมีราคาเปลี่ยนแปลงเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป 
5.4 การเพิ่มเงินในการแลกเปลี่ยน
เงินสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. เงินมาตรฐาน คือ เงินที่ทำด้วยโลหะที่มีค่าและหายากใช้เป็นมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนโดยแท้ ทั้งนี้ เพราะเป็นเงินเหรียญที่มีมูลค่าเต็มตัว ซึ่งเงินมาตรฐานมี 2 ชนิด คือ
   1.1 เงินที่มีมูลค่าเต็มตัว 
   1.2 เงินมาตรฐานที่ทำด้วยกระดาษหรือเรียกว่า บัตรแทนเงิน
2. เงินเครดิต หมายถึง เงินประเภทที่มีราคาของเงินที่ตราไว้สูงกว่ามูลค่าของสิ่งของที่ใช้ทำเงินนั้น เหตุที่เรียกว่า เงินเครดิต นั้นเพราะผู้ใช้เชื่อเครดิตของรัฐบาล เพราะรัฐบาลเป็นผู้กำหนดให้เงินใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้ ซึ่งเงินเครดิตแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่
   2.1 เงินเครดิตที่ทำด้วยโลหะ
   2.2 เงินเครดิตที่ทำด้วยกระดาษ
3. เงินฝากเผื่อเรียก หมายถึง เงินฝากธนาคารพาณิชย์ประเภทเงินฝากกระแสรายวัน เจ้าของเงินฝากสามารถเขียนเช็คสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินได้ทันทีเมื่อต้องการ ซึ่งการจ่ายเงินโดยผ่านการใช้เช็คถือเป็นเงินตราประเภทหนึ่ง เพราะสามารถทำหน้าที่ของเงินตราได้อย่างสมบูรณ์ เช็คใช้แทนธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์จะสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ไม่เสียเวลาในการนับ
คุณสมบัติของเงินที่ดี
1. เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป สามารถใช้ซื้อสินค้าหรือบริการและชำระหนี้ได้
2. เป็นของหายหรือมีมูลค่าในตัวสูง
3. มีความคงทนถาวร เก็บไว้ได้นาน
4. มีมูลค่าคงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงขึ้น ๆ ลง ๆ
5. เป็นสิ่งที่มีลักษณะเหมือนกัน
6. สามารถแบ่งออกเป็นหน่วยย่อย ๆ ได้โดยยังมีค่าเดิม
4. ระบบการแลกเปลี่ยนโดยใช้เครดิต (Credit System )
เครดิต หมายถึง ความเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลหนึ่งกับอีกบุคคลหนึ่งในระยะเวลาหนึ่ง หรือเป็นการที่บุคคลหรือธุรกิจมอบความเชื่อถือและความไว้วางใจให้แก่บุคคลหรือธุรกิจ
เพื่อให้รับสินค้าหรือบริการไปโดยยังไม่ต้องชำระเงินในขณะนั้น
ประเภทของเอกสารเครดิต
เอกสารเครดิตที่ใช้ในปัจจุบัน มีหน่วยงานที่ให้บริการคือ ธนาคารพาณิชย์ทั่วไป สถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเอกสารเครดิตที่นิยมใช้ ได้แก่
1. ตั๋วสัญญาใช้เงิน(Promissory Note) 
หนังสือตราสารบุคคลหนึ่ง เรียกว่า ผู้ออกตั๋ว ให้คำมั่นสัญญาจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับเงิน
2. ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) 
ตราสารซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้สั่งจ่าย สั่งบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จ่าย
3. เช็ค (Cheque
)

หนังสือตราสารที่บุคคลหนึ่ง เรียกว่ผู้สั่งจ่าย เมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่า ผู้รับเงิน 
ประโยชน์การใช้เอกสารเครดิต
1. มีความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ
2. มีความปลอดภัย







1 ความคิดเห็น:

  1. ในกระเป๋าของเธ swiny เรื่องเล็กน้อยและคุณต้องการให้เขาเป็น selectioi บิลค่ะ แล้วบินไปที่เว็บไซต์ของออนไลน์ https://topbrokers.com/th !เรียกไปยังตำแหน่งเชื่อมโยงไปเครื่องจ่ายเงินและเริ่มต้นจะทำมาหากินสุจริตรงนี้และตอนนี้เพราะคุณสามารถได้รับเงินได้ดีโดยไม่มีสายพันธ์!

    ตอบลบ